โรคติดเชื้อไวรัสซิกกา พบผู่ป่วยติดเชื้อในประเทศไทย ที่น่ากังวลคือ " หญิงตั้งครรภ์" ที่หากติดเชื้อดังกล่าวอาจมีความเสี่ยงถึงทารกในครรภ์ โดยจะทำให้ทารกมีความผิดปกติมีภาวะศีรษะเล็กได้ ศัตรูตัวร้ายที่เป็นพาหะของโรคนี้คือ " ยุงลาย " นอกจากนี้ยุงร้ายยังเป็นพาหะของโรคอื่นๆ อย่างไข้เลือดออก ที่พบยอดผู้ป่วยถึงสัปดาห์ละ 2,000 ราย และยังก่อโรคชิคุนกุนยาhttp://www.boe.moph.go.th/fact/Chikungunya.htmอีกด้วย ยิ่งช่วงนี้หน้าฝนยิ่งเป็นช่วงระบาดของยุงลายเลยก็ว่าได้ หากทุกบ้าน ทุกครอบครัวหันมาใส่ใจดูแลตัวเองและคนที่คุณรักป้องกันการโดนยุงลายกัด ก็จะช่วยลดปัญหาที่เกิดจากยุงลายได้ สำนักงานอนามัยสิ่งแวดล้อม กรมอนามัย ได้ให้ข้อมูลแนะนำวิธีการป้องกันตนเองจากการโดนยุงกัด ไว้ดังนี้
- ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง โดยไม่ให้มีน้ำขังในท่อระบายน้ำ คว่ำภาชนะที่เป็นแหล่งเก็บกักน้ำขัง เพื่อเป็นการตัดวงจรการเจริญเติบโตของยุง
- ปิดกั้นช่องทางการเข้ามาของยุง โดยการติดมุ้งลวดที่ประตูและหน้าต่าง และในเด็กเล็กควรกางมุ้งครอบเตียงเพื่อป้องกันยุงลายกัด
- หลีกเลี่ยงการโดนยุงกัดโดยการนอนกางมุ้ง สวมใส่เสื้อผ้าที่สามารถปกคลุมร่างกายได้มิดชิดถ้าต้องอยู่ในบริเวณที่มียุงลาย
- การใช้ผลิตภัณฑ์ไล่ยุง ในสตรีมีครรภ์จะมีความกังวลเรื่องการใช้ผลิตภัณฑ์ไล่ยุงกลัวถึงผลกระทบต่อทารกในครรภ์ เพราะผลิตภัณฑ์ที่มีจำหน่ายโดยทั่วไปในท้องตลาดจะมีส่วนผสมหลักเป็น DEET เป็นสารเคมีที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้งาน ควรใช้ในเด็กที่มีอายุมากกว่า 4 ปี ขึ้นไป แสดงว่าอาจมีความระคายเคืองต่อเด็กเล็ก ขณะเดียวกันถ้ามีการใช้นานๆ อาจสะสมและมีผลกระทบต่อระบบประสาทได้ ดังนั้นสตรีมีครรภ์ควรหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันยุงที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ อาทิเช่น ICARIDIN เป็นสารสกัดจากพริกไทย คุณจึงมั่นใจได้ว่าไม่ส่งผลกระทบต่อลูกน้อยในครรภ์ของคุณอย่างแน่นอน ผลการวิจัยบางฉบับยังให้ข้อมูลอีกว่าตะไคร้หอมไล่ยุง ก็ใช่ว่าจะใช้ได้หมด ต้องเป็นตะไคร้หอมจำเพาะเท่านั้น ถึงจะสกัดน้ำมันหอมระเหยมาใช้ได้ จะต้องเป็นผลิตภัณฑ์กันยุงที่ได้รับการรับรองประสิทธิภาพจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ ขอบคุณข้อมูลจาก www.matichon.co.th